งาน Libra Developer ครั้งที่ 1 เนื้อหาเชิงลึกสำหรับนักพัฒนา ถ้าศึกษาเองอาจใช้เวลา 3-6 เดือน แต่เราสรุปมาให้แล้ว
7 ประเด็นน่ารู้กับ Libra
1. Libra เป็น Stable Coin
หมายถึงมูลค่าของ Libra Coin จะถูกออกแบบให้คงที่ แตกต่างจากคริปโตเคอเรนซีที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นบิทคอยน์ อีเทอเรียม หรือเจฟินคอยน์ในบ้านเรา ดังนั้นการเก็งกำไร ตัดออกไปได้เลยนะ
ซึ่งการทำให้เหรียญมีมูลค่าคงที่ของ Libra ทำโดยการมี Reserve back 100% หรือมีส่ิงค้ำประกันแบบเต็มจำนวน และมูลค่าของ Libra จะอิงกับหลายๆสกุลเงิน (a basket of fiat currencies) เพื่อประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของแต่ละสกุลเงิน
2. STO
คำถามว่าเอาเงินจากไหนมาเป็นตัวค้ำประกันและใช้ในการดำเนินงาน Operations ก็ต้องบอกว่า Facebook ใช้ STO ในการระดมทุนโดยออกเหรียญ Libra Investment Token ( คำนี้คุ้นมาก เมืองไทยมี กม ที่สามารถออก Investment Token ได้อยู่แล้วนะ ล้ำสุดๆ) ซึ่งคนที่ลงทุนใน Investment Token ก็จะได้รับเงินตอบแทนจากดอกเบี้ยที่เหลือจากเงินที่ใช้เป็นตัวคำ้ประกันหลังจากค่าดำเนินงานอยู่ แต่เข้าใจว่าคนที่จะลงทุนได้น่าจะเป็นนักลงทุนที่ได้รับการรับรองเท่านั้น คงไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปลงได้
3. สมาคม Libra
แน่นอนในการทำสกุลเงินใหม่ ไม่ควรมีใครเป็นเจ้าของคนเดียว Libra Association จึงได้ถูกตั้งขึ้นเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร โดยสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง หรือ Founding Member ก็จะประกอบไปด้วยหลายๆกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ทั้งหลาย องค์กรเพื่อสังคม ไปจนถึงภาคการศึกษา และที่สำคัญในที่สุด สมาคมจะรวมคนที่ร่วมเป็น Validator Node บนซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เกิดความแข็งแรงของ Libra Blockchain ด้วย
โดยเป้าหมายสำคัญของ Libra Association มีสองส่วนคือ ดูแล Validator Node และ Open Source Community และดูแลเงินที่จะใช้ในการ Reserve และดำเนินการทั้งหลาย
4. Libra Blockchain จาก Permission to Permission Less
แตะเรื่อง Node ก็เข้ามาถึงเรื่อง Blockchain สักนิด โดย Libra จะเริ่มจากการเป็น Permissioned Blockchain ก่อน ซึ่งหมายถึงคนที่จะเข้ามาเป็น Node ได้ ต้องเป็นกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งเท่านั้น ซึ่งน่าจะมีประมาณ 100 Node ในช่วงต้น แต่จะมีการวางแผนให้เป็นแบบ Public Blockchain ในอนาคต ซึ่งเค้าบอกว่าประมาณ 5 ปี ซึ่งอันนี้จะบอกว่าถึงแม้ช่วงต้นจะเป็นแบบ Private แต่ในอนาคต Libra จะเป็น Blockchain ที่ไม่มีใครคนใคคนนึงมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนอะไรได้เอง
5. ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
คำถามถัดมาที่มีคนถามเยอะ คือเรื่องความเป็นส่วนตัวในการโอนเงินไปมา เพราะตาม concept ของ Blockchain ข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บและก็ Share บนระบบทั้งหมด ซึ่ง Libra ได้เขียนชัดเจนว่า Transaction จะยึดกับ Address เหมือน Crypto ทั่วไป และจะไม่มีการเชื่อมถึงข้อมูลส่วนตัวใดๆ โดยเฉพาะข้อมูลของ Facebook ดังนั้นสบายใจได้ระดับนึง
เรื่องความปลอดภัยระบบ เค้าใช้ระบบ Consensus แบบใหม่ที่เรียกว่า Libra Byzantine Fault Tolerant (LibraBFT) consensus protocol ซึ่งพัฒนามาจาก VMware’s HotStuff framework ซึ่งอันนี้เดี๋ยวคงต้องไปอ่านเพิ่ม 55 แต่เป้าหมายน่าจะเน้นเรื่องความเร็วเป็นหลัก เห็นว่าน่าจะประมาณ 100 โดยมีหลักการเบื้องต้นคือ จะมีการสุ่ม Validator มายืนยันความถูกต้องของ Transaction ที่เกิดขึ้น และถ้าจะมีคนไม่หวังดีมาแก้ข้อมูลจะต้องมีมากว่า 1 ใน 3 ของ Validator ทั้งหมด ซึ่งถ้าของ Libra วางไว้ว่าจะมี 100 Nodes ทั่วโลกในเบื้องต้น ก็น่าจะการันตีความปลอดภัยได้อยู่นะ
6. ภาษา Move
ในด้านโปรแกรมมิ่ง จะมีภาษาใหม่ให้เหล่าโปรแกรมเมอร์มาลองเล่นกัน ซึ่ง Libra บอกว่าจะสามารถใช้เขียน Smart Contract ได้ด้วย ดังนั้นอันนี้คอยรอชมกับ Applications มากมายที่จะย้ายจาก Ethereum มายังฝั่ง Libra ได้เลย ตามแผน Libra จะใช้งานได้จริงปีหน้า 2020 และ Testnet น่าจะออกเร็วๆนี้ ซึ่งคงจะมีการลองใช้กัน เห็นว่าจะมี Bug Bounty Program ด้วยนะ
7. กระเป๋าเงินอิเลคโทรนิคส์ Calibra
Facebook ประกาศตัว Calibra เป็นอีกบริษัทที่แยกออกมาจาก Facebook ซึ่ง Product ตัวแรกก็น่าจะเป็น กระเป๋าเงินอิเลคโทรนิคส์สำหรับ Libra ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนสามารถส่ง Libra หากันได้ และน่าจะเป็นส่วนที่ต่อกับ Facebook ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การซื้อขายของผ่าน Facebook Messenger, การซื้อ Ads, การโอนเงินข้ามประเทศ
Calibra น่าจะเป็นเครื่องมือหลักของ Facebook ในการตีตลาด unbanked ในประเทศกำลังพัฒนา หรือตลาดที่คนยังไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารได้ โดยการเสนอวิธีการที่ง่ายและถูกในการโอนเงิน และน่าจะเป็นกระเป๋าเงินที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกทันที
Libra น่าจะเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกที่กระทบไปกับทุกส่วนงานแน่ๆ ทุกคนน่าจะต้องปรับตัวกัน และ ไม่เฉพาะกับพวกเรา แต่จะรวมไปถึง Regulators ทุกส่วนงาน เพราะจะต้องคิดวิธรตรวจสอบแบบใหม่ เงินจะไหลผ่านไปยังต่างประเทศแบบปลายนื้วมือกด เกิดกระบวนการแบบใหม่ที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงแบบคาดไม่ถึง รอชมอย่างตื่นเต้น
งานจัดที่ Tencent (Thailand) ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 เวลา 18.00 – 21.30 น. แนะนำเดินทางด้วย BTS ลงสถานีทองหล่อ (E6) ทางออก 4
(ใครนำรถมาจอดฟรี 1 ชม. และ ชม. ต่อไป ชม. ละ 50 บาท)
การลงทะเบียนมี 2 วิธี คือ
1. Challenge Ticket ต้องใช้ Developer skill ในการได้มาโดยเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 เวลา 12.00น. (เที่ยงตรง)
2. Free Ticket ใช้ความไว รีบกดตั๋วในวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 เวลา 12.00น. (เที่ยงตรง)
สิ่งที่ผู้มางานจะได้รับ
1. Pizza และเครื่องดื่มสุดพิเศษจาก Class Cafe’
2. ความรู้จากวิทยากรทั้ง 6 ท่าน
3. เสื้อเป็นของที่ระลึก
4. ผมเตรียมของรางวัลพิเศษให้สำหรับคนที่ Challenge ชนะได้เป็นคนแรก
กลุ่ม Libra Developer https://web.facebook.com/groups/425807021332236/
ขอขอบคุณสปอนเซอร์ที่ช่วยสนับสนุนครับ
1. ETDA Thailand - สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ)
2. JFIN - Digital transformation for synergy of Jaymart
3. CasperStack - Financial Software Development
4. Pay Solutions - ผู้ให้บริการรับชำระเงินทางอิเล็คทรอนิคส์และออนไลน์ครบวงจร
5. All Inspire Development PCL. - ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร Total Real Estate Solutions
6. ZMINE - REAL HARDWARE, REAL MINING
7. AEC Securities Public Company Limited - "Your Prosperity Partner"
8. Tencent Thailand Company Limited - ผู้นําด้านการให้บริการบนอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจร
9. Class Cafe\\\\\\' - Open Coffee Platform (O.C.P) focusing on premium coffee & co-working space businesses.
ลงทะเบียนได้ที่ : https://www.eventpop.me/e/6189-libra-dev
วันที่ : 24 กรกฎาคม 2562
เวลา : 18.00 - 21.30 น.
สถานที่ : Tencent Thailand at T-ONE
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : Thailand Blockchain Working Group - TBWG
